วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2550

พ่อครับ... ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ: :

: แต่ก่อนนานมาแล้วยังมีชายชราคนหนึ่งแก่มาก จนจำอายุตนเองไม่ได้ หากใบหน้าของเขายังคงอิ่มเอิบเปล่งประกายเลือดฝาด
เคราสีเงินยวงสะอาดตาของเขา ยาวปกคลุมมาถึงหน้าอก ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก ตายังไม่ฝ้าฟาง หูก็ยังไม่หนวก
เขามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง แต่เขาก็ยังเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัว
ปีนี้ เขาตัดสินใจว่าจะเลือกใครคนหนึ่งจากลูกชาย ๑๕ คน ของเขามาสืบทอดภารกิจนี้เสียที แต่ว่าจะเลือกใครดีละ
เมื่อชายชราคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ จึงสั่งให้ลูกชายทั้ง ๑๕ คน มาพบแล้วแจกเมล็ดดอกไม้ให้ลูก ๆ คนละ ๑ เมล็ด พร้อมทั้งบอกว่า ใครสามารถปลูกเมล็ดพืชนี้ให้งอกงาม จนออกดอกบานสะพรั่ง คนนั้นก็จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดกต่อไป
เมื่อลูก ๆ ได้เมล็ดพืชมาแล้วต่างนำไปปลูกและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ลูกชายคนเล็กของชายชราผู้นี้มีชื่อว่า เสี่ยวเหลียงจือ เมื่อได้เมล็ดดอกไม้แล้ว เขาก็นำไปปลูกในกระถาง รดน้ำเอาใจใส่อย่างดีทุกวันทุกคืน แต่เมล็ดพืชนั้นก็ไม่แตกกล้าสักที เสียวเหลียงจือรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนย่างกรายมาถึงแล้ว ชายชราผู้เป็นพ่อกำหนดว่าวันนี้ จะเป็นวันคัดเลือกดอกไม้ของลูก ๆ ลูกทุกคนต่างอุ้มกระถางดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยสดงดงาม มาให้ผู้เป็นพ่อชมเพื่อรอการคัดเลือก
ชายชราเดินตรวจดอกไม้ที่สวยงามในมือของลูก ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่มีแววยินดีแม้แต่น้อย เขาเดินตรวจจากบุตรชายคนโตมาจนถึงบุตรชายคนที่ ๑๔ โดยมิได้หยุดเลย เมื่อเดินมาถึงเสี่ยวเหลียงจือ บุตรชายคนสุดท้อง ซึ่งยืนถือกระถางเปล่า ไม่มีทั้งต้นไม้และดอกไม้ ชายชราจึงหยุดกึกอยู่ตรงนั้น
เสี่ยวเหลียงจือน้ำตาไหลพราก กล่าวกับบิดาอย่างสำนึกผิดว่า “พ่อครับ ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ...”
ชายชรากลับแย้มยิ้มและพูดอย่างยินดีปรีดาว่า “ลูกเอ๋ย สิ่งที่เจ้ามอบให้พ่อนั้นมีค่ายิ่งกว่าดอกไม้มากมายนัก” “อะไรหรือครับ” “ความซื่อสัตย์ไงละ”
...เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่... ชายชราจึงเปิดเผยความลับต่อลูก ๆ ว่าที่แท้เมล็ดพืชที่ตนแจกแก่ลูก ๆ นั้นเป็นเมล็ดพืชที่นำไปคั่วจนสุกแล้ว ดังนั้น...... ต้นไม้ที่ผลิดอกสวยงามเหล่านั้นล้วนมาจากเมล็ดพืชจากที่อื่นไม่ใช่เมล็ดพืชที่ผู้เป็นพ่อแจกให้
ดอกไม้พวกนี้จึงเป็นสักขีพยานยืนยันความ “ไม่ซื่อตรง” ของพวกเขา
สุดท้ายชายชราจึงกล่าวอบรมลูก ๆ ว่า “ขอให้ลูก ๆ จงเป็นคนซื่อตรงเถิด ความซื่อตรงเป็นสมบัติอันล้ำค่าของคนเรา”
ชายชราผู้มองการณ์ไกลมิได้มองหาลูกชายที่แข็งแรง ร่ำรวยหรือเฉลียวฉลาดเลย หากแต่มองหาลูกชายที่ซื่อสัตย์จริงใจ
แม้เสียวเหลียงจือ จะมีเพียงกระถางว่างเปล่า แต่ใจของเขางดงามยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ เพราะเป็นใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหาได้ยากยิ่ง ในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันนี้ เขาจึงเป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจและได้รับมอบหมายสิ่งสำคัญจากผู้เป็นบิดา
นี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า ความซื่อตรง และจริงใจ เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง อยากได้จากกันและกันมากที่สุด ในชีวิตของเรา
เมื่อเราปรารถนาความซื่อตรงจริงใจจากทุกคน เราก็ควรเริ่มจากตัวของเราก่อน มอบความซื่อตรงจริงใจให้แก่กัน เพราะนี่คือสมบัติอันล้ำค่าที่เราทุกคนต่างปรารถนา และสามารถมอบให้แก่กันและกันได้ ให้โลกนี้งดงามด้วยความจริงใจงามยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ ทั้งมวล

ไม่มีความคิดเห็น: